บทนำ
หนังสือเล่มนี้เล่าถึงแผนการของพระเจ้าในการนำสันติสุขมาสู่โลกนี้ โดยการทำให้เกิดการคืนดีกันระหว่างสองพี่น้อง
ความขมขื่นระหร่างอิชมาเอลและอิสฮัค
ซึ่งเกิดขึ้นกว่าสองพันปีมาแล้วเป็นฐานรากของปัญหาวุ่นวายในโลก โดยเฉพาะปัญหาระหว่างชาวอาหรับกับชาวยิว และนำไปสู่สงครามจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โดยแผนการอันประเสริฐของพระองค์ ได้ทรงใช้บุคคลหนึ่งให้เป็นผู้เริ่มต้นงานแห่งการคืนดีกัน
นพ.เดวิด
เดเมียน เป็นกุมารแพทย์ชาวอียิปต์ ผู้ซึ่งพระเจ้าได้ทรงใส่ภาระในใจของท่าน ในแผนการของพระเจ้านั่น
พระองค์ทรงให้ชาวจีนเป็นผู้ที่จะช่วยให้งานแห่งการคืนดีกันสำเร็จ
ดิฉัน
พ.ญ.อุมาพร ตรังคสมบัติ และคุณสิทธิพันธ์ ตรังคสมบัติ
ได้รับโอกาสขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ได้เห็นและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในช่วงแรกเรางงงวยและมีความสงสัยมากมาย มีคำถามเกิดขึ้นหลายอย่างแต่นับเป็นเวลาร่วม 3
ปี ที่เราได้เข้ามาเรียนรู้เรื่องนี้ และเกิดความเข้าใจขึ้นมาก จึงอยากจะแบ่งปันให้ท่านทราบ ดังที่จะเล่าต่อไปนี้
1. ทำไมต้องร้องเพลง Joy to the
World?
มันเพิ่งวันที่ 7 พฤศจิกายนเอง ทำไมนักร้องบนเวทีถึงนำให้พวกเราร้องเพลงคริสตมาส Joy to the World?
ผมมาเข้าร่วมในการชุมนุมที่เรียกว่า
Global Gathering ที่เมืองเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล การชุมนุมนี้จัดขึ้นในวันที่ 7-11 พ.ย.16 มีคริสเตียนจากทั่วโลกมาร่วมชุมนุมถึง 3,000 กว่าคน
การประชุมวันแรกเริ่มต้นเมื่อ 18.30 น.
มีการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า มีการร่ายรำของแด้นเซ่อร์ที่ฝึกมาอย่างดี
คนจีนจำนวนมากมาเต้นรำกันตรงบริเวณหน้าเวทีอย่างสนุกสนาน
เราร้องเพลงสรรเสริญกันประมาณสองชั่วโมง อาจารย์เดวิด เดเมียน
ซึ่งเป็นประธานของการชุมนุมก็ออกมาอธิษฐานแล้วเชิญคนนั้นคนนี้ออกมาบนเวที แล้วก็พูดกัน
จับมือกัน กอดกัน และอธิษฐาน (ผมจะเล่าอย่างละเอียดในภายหลัง) สักพักท่านก็ประกาศว่า
ทาบีธามีอะไรบางอย่างมาแชร์ ทาบีธาซึ่งเป็นนักร้องนำในการประชุมทุกครั้งก็เดินจากริมเวทีซึ่งเป็นที่ตั้งของวงดนตรี
เธอเดินมากลางเวทีแล้วพูดว่า “เมื่อครู่นี้ ดิฉันเห็นนิมิต (vision) เป็นฟ้าสวรรค์เปิดออก และมีหมู่ทูตสวรรค์ออกมาร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดี
ดิฉันนึกถึงข้อความในพระคัมภีร์ลูกาที่ทูตสวรรค์ออกมาร้องเพลงในคืนที่พระกุมารประสูติ
นี่เป็นเวลาแห่งความชื่นชมยินดี ให้เรามาร้องเพลง Joy to the world กันเถอะ” ว่าแล้วเธอก็นำพวกเราร้องเพลงนี้อย่างกึกก้อง 5-6
รอบ ผมรู้สึกแปลกใจ นี่ยังไม่ถึงวันคริสตมาส ทำไมมาร้องเพลงคริสตมาสในคืนนี้
คริสตมาสเป็นวันที่เราระลึกถึงการไถ่ของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า
เรื่องราวการประสูติของพระองค์กว่าสองพันปีที่แล้วในเบธเลเฮมมีบันทึกไว้ในหนังสือลูกา
บทที่ 2 ข้อ 1-14 ดังนี้
“อยู่มาคราวนั้น
มีรับสั่งจากซีซาร์ ออกัสตัส ให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน 2 (นี่เป็นครั้งแรกที่ได้จดทะเบียนสำมะโนครัว
เมื่อคีรินิอัสเป็นเจ้าเมืองซีเรีย) 3
คนทั้งปวงต่างคนต่างได้ไปขึ้นทะเบียนยังเมืองของตน 4
ฝ่ายโยเซฟก็ขึ้นไปจากเมืองนาซาเร็ธแคว้นกาลิลีถึงเมืองของดาวิด
ชื่อเบธเลเฮมแคว้นยูเดียด้วย (เพราะว่าเขาเป็นวงศ์วานและเชื้อสายของดาวิด) 5 เขาได้ไปกับมารีย์ที่เขาได้หมั้นไว้แล้ว เพื่อจะขึ้นทะเบียนและนางมีครรภ์
6 เมื่อเขาทั้งสองยังอยู่ที่นั่น
ก็ถึงเวลาที่มารีย์จะประสูติบุตร 7
นางจึงประสูติบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า
เพราะว่าไม่มีที่ว่างให้เขาในโรงแรม
8 ในแถบนั้น
มีคนเลี้ยงแกะอยู่ในทุ่งนา เฝ้าฝูงแกะของเขาในเวลากลางคืน 9
ดูเถิด มีทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่เขา
และรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่องล้อมรอบเขา และเขากลัวนัก 10 ฝ่ายทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวแก่เขาว่า "อย่ากลัวเลย เพราะดูเถิด
เรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย คือความปรีดียิ่งซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง 11 เพราะว่าในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระคริสต์เจ้า
มาบังเกิดที่เมืองดาวิด 12
นี่จะเป็นหมายสำคัญแก่ท่านทั้งหลาย คือท่านจะได้พบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า"
13 ทันใดนั้น
มีชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า 14 รัศมีภาพจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด
และบนแผ่นดินโลกสันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวงซึ่งทรงโปรดปรานนั้น“
การที่ทาบีธาเห็นทูตสวรรค์มาร้องเพลงคืนนี้
แปลว่าคืนนี้มีข่าวดีน่ะสิ ข่าวดีที่เป็น “ความยินดีอย่างยิ่งที่จะมาถึงคนทั้งหลาย”
และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของ “สันติสุข” ที่จะมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายอย่างแท้จริงล่ะหรือ?
2.คริสตมาสปีนี้มาเร็ว!
การประชุมเมื่อคืนกว่าจะเลิกและกลับถึงที่พักก็ร่วมสี่ทุ่มครึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้นผมต้องตื่นเช้า รีบแต่งตัว ไปกินอาหารเช้า
และรีบขึ้นรถบัสที่มารอรับเรา เพื่อไปร่วมประชุมตอน 9.00 น.
การประชุมเริ่มต้นด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าอีกร่วมชั่วโมงกว่า
(ผมขอเรียกการชุมนุมหรือ Gathering นี้ว่าการประชุมก็แล้วกัน เพราะพอใช้คำว่า
การชุมนุม ในภาษาไทยจะมีความรู้สึกเหมือนชุมนุมทางการเมือง 555 แต่ที่เขาเรียกว่า Gathering
ไม่ได้เรียกว่า conference ก็เพราะว่า
การมารวมกันนี้ไม่ได้มาฟังเทศน์ ไม่มีการเทศนา ไม่มีการบรรยายของใครทั้งนั้น! แปลกไหมล่ะครับ?)
เมื่อร้องเพลงกันไปได้สักหนึ่งชั่วโมง
อาจารย์เดวิดก็ออกมาบนเวทีพร้อมล่ามคนจีน สักพัก ดีน ฟูจิชิมา (Dean Fujishima) ผู้นำอาวุโสของคริสตจักรในฮาวาย
ก็ขึ้นมาบนเวที และเล่าให้ฟังว่า ก่อนจะมาร่วมการประชุมที่นี่ ท่านได้เข้าร่วมในการประชุมของกลุ่มศาสนาจารย์
ในการประชุมนั้นอาจารย์บิล จอห์นสัน (Bill Johnson) ศิษยาภิบาลอาวุโสของคริสตจักรเบธเอล
สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวเป็นเชิงพยากรณ์ว่า “Christmas comes early this year. ปีนี้คริสตมาสจะมาเร็ว” ดีนยังเล่าอีกว่าเมื่อวันที่ 6 พ.ย.16 Kathie Walters เพื่อนที่อยู่ฟลอริดาซึ่งมีของประทานในการเผยพระวจนะได้เขียน
email มาบอกว่า “I
don’t understand what I am saying, but Christmas is tomorrow. ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่จะบอกนี้เหมือนกัน แต่คริสมาสจะมีในวันพรุ่งนี้“ (ก็คือวันที่ 7 พ.ย.16)
ได้ยินแค่นี้ผมก็รู้เลยว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ใช่ของธรรมดาๆ ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ
และนี่กระมังที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมอยากมาร่วมประชุมในครั้งนี้ อันที่จริงความตั้งใจของผมที่จะมาที่นี่ในตอนแรกก็เพื่อมาเป็นพยานในเหตุการณ์อันเป็นประวัติศาสตร์โลก
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เป็นเพียง “ประวัติศาสตร์โลก” เฉยๆแต่มันยิ่งใหญ่กว่าที่ผมคาดคิดไว้มาก
มันเป็นความชื่นชมยินดีของสวรรค์ และจะเป็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ของโลกใบนี้ทีเดียว!
3.
การคืนดีของสองพี่น้อง
สิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนวันที่ 7 พ.ย.นี้
เป็นอะไรที่ผมจะต้องคิดหนัก ใคร่ครวญถึงความหมายของมันให้ลึกซึ้ง
ไม่ใช่ปล่อยให้มันผ่านไป เหมือนการประชุมครั้งอื่นๆ ที่ผมเคยไปร่วม
ที่พอมันจบลงแล้วก็ไม่ค่อยเหลือความทรงจำอะไรสักเท่าไหร่
เหลือเพียงของที่ระลึกและขนมจุกจิกที่ภรรยาของผมซื้อกลับมาเมืองไทยเท่านั้น
หลังจากที่ใช้เวลาพักใหญ่ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น
ผมก็เริ่มเข้าใจ เหมือนกับค่อยๆบรรจงต่อจิ๊กซอว์นั่นแหละครับ
ตอนนี้เห็นภาพใหญ่แล้ว
สิ่งที่ทำให้เกิดความชื่นชมยินดีจนกระทั่งหมู่ทูตสวรรค์มาร้องเพลงราวกับคริสตมาสเกิดขึ้นในคืนนั้นก็คือ การคืนดีกันของสองพี่น้อง
หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ แผ่นดินของพระเจ้ามาถึงแล้ว
สองพี่น้องที่ว่านี้คือ อิชมาเอลและอิสอัค
อิชมาเอลเป็นบุตรของอับราฮัมที่เกิดจากนางฮาการ์ สาวใช้ชาวอียิปต์
และส่วนอิสอัคนั้นเป็นบุตรของอับราฮัมที่เกิดจากนางซาราห์ อิชมาเอลเป็นต้นตระกูลของชาวอาหรับ
ส่วนอิสอัคเป็นต้นตระกูลของชาวยิว
ชนชาติทั้งสองนี้ได้รบราฆ่าฟันกันมาเป็นเวลานานหลายพันปี นับเป็นความแตกแยก
ความเกลียดชังและความขมขื่นที่รุนแรงที่สุดของมนุษยชาติ (ความขมขื่นที่เกิดระหว่างชนชาติต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นระหว่างชาวญี่ปุ่นกับชาวจีน
จีนกับเกาหลี หรือเกาหลีกับญี่ปุ่นนั้นเกิดขึ้นมาเพียงระยะไม่กี่ร้อยปี)
อับราฮัมเป็นคนที่พระเจ้าทรงโปรดปราน
และพระองค์สัญญาว่าจะให้พงศ์พันธุ์ของอัมราฮัมทวีมาก และภรรยาของท่านคือ
นางซาราห์จะมีบุตรเมื่อแก่แล้ว
แต่นางซาราห์รอจนแก่ก็ไม่มีบุตร
และเกรงว่าจะไม่มีบุตรจึงช่วยพระเจ้าด้วยการส่งสาวใช้ชาวอียิปต์ ชื่อ
ฮาการ์ ไปให้สามี จนมีบุตรด้วยกันชื่อ อิชมาเอล
(ต่อมาคือพงศ์พันธุ์ของชาวอาหรับ)
แต่ภายหลังนางซาราห์ก็คลอดบุตร
ชื่อ อิสฮัค
(เป็นบุตรตามที่พระเจ้าสัญญาว่าให้เกิดมา
ซึ่งก็คือพงศ์พันธุ์ของชาวยิว)
เมื่อนางซาราห์ได้บุตรแล้วจึงขอให้สามีขับสาวใช้ออกไปจากบ้าน (ปฐมกาล 21:10)
เธอพูดกับอับราฮัมว่าบุตรของสาวใช้จะมารับมรดกร่วมกับบุตรของนางไม่ได้ และขอให้อับราฮัมขับนางฮาการ์และอิชมาเอลออกไปจากบ้าน
ทั้งสองจึงถูกขับออกไปในทะเลทรายจนเกือบอดน้ำตาย แต่พระเจ้าก็ส่งทูตสวรรค์มาเลี้ยงดู ความขมขื่นของอิชมาเอลต่ออิสฮัค หรืออาหรับต่อยิว จึงเกิดขึ้นโดยสัญชาติญาณ เพราะมีมานานในประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ เรียกได้ว่า เป็นความขมขื่นข้ามศตวรรษ เมื่อพี่น้องต้องมาเข่นฆ่ากันเอง
ดังนั้นหากสามารถคืนดีกันได้
ย่อมทำให้ความขมขื่นที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติหายไป
และแผ่นดินของพระเจ้าย่อมสามารถมาตั้งบนแผ่นดินโลกได้
ทำไมผมจึงเชื่อว่าแผ่นดินสวรรค์หรือ
Kingdom of God สามารถลงมาบนโลกได้หากสองชนชาตินี้คืนดีกัน?
เพราะในประสบการณ์ที่นำคนให้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ คนที่ต้องการรับพระวิญญาณบริสุทธิ์และไม่ได้รับ เกือบทั้งหมดเป็นผู้ที่มีรากขมขื่นกับใครบางคน และไม่อยากจะให้อภัย บางคนมาต่อรองว่าขอเกลียดคนนี้คนเดียวได้ไหม? ไม่ขอยกโทษให้
ต่อรองกับพระเจ้าให้หน่อย
เพราะอยากจะรับพระวิญญาณ แต่ผมตอบว่า ไม่ได้
คุณต้องเอารากขมขื่นออกทั้งหมด
หากการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในบุคคลหนึ่งยังจำเป็นที่จะต้องเอาความขมขื่นออกไป การดำรงอยู่ของแผ่นดินของพระเจ้าบนโลกนี้ก็น่าจะใช้เงื่อนไขเดียวกัน
เท่าที่ผมสังเกต มีการพยายามทำให้เกิดการคืนดีกันระหว่างอาหรับและยิวทุกครั้งที่มีการประชุมใหญ่ เช่น World Gathering ที่นครมิคนิก สาธารณรัฐเยอรมันนี เมื่อ ต.ค.15 เป็นต้น แต่การคืนดีที่เรียกว่า “มีการทะลุทะลวงทางโลกวิญญาณ” ได้เกิดขึ้นที่
เฉวงบุรี รีสอร์ท เกาะสมุย
ประเทศไทย (รายละเอียดมีในบทที่ 4)
และในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2016
ได้มีการประกาศการคืนดีนี้อีกครั้งแก่ผู้คนกว่า 3000 คนจากทั่วโลก
ที่นครเยรูซาเล็ม
การคืนดีนี้น่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะมีหมายสำคัญเกิดขึ้นมากมาย เช่น
การพยากรณ์ของบิล จอนสัน ว่าคริสตมาสปีนี้มาเร็ว การพยากรณ์ Kathie Walters ที่ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ว่าคริสตมาสคือวันที่ 7 พ.ย 16
และการร้องเพลง Joy to the World ในการประชุม โดยทาบีธา
ผู้ที่นำเราร้องเพลงนี้บอกผมว่า
เธอเห็นฟ้าสวรรค์เปิดออก
และมีทูตสวรรค์ลอยลงมาพร้อมกับส่งเสียงแสดงความยินดีร่วมกับชาวโลกที่กำลังมีการเฉลิมฉลอง เพลง joy to the world ก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเธอและเธอจึงหาโอกาสเล่าเรื่องนี้และนำให้ที่ประชุม
ร้องเพลงนี้
ลองพิจารณาการคืนดีกันของสองพี่น้อง จะเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ระดับที่ฟ้าสวรรค์และโลกต้องเฉลิมฉลองกันหรือ? มันน่าจะต้องมีสิ่งยิ่งใหญ่กว่านั้นแฝงอยู่ และจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก
แผ่นดินของพระเจ้า...สิ่งที่พระเยซูบอกว่ากำลังใกล้เข้ามาแล้วและวันนี้ได้มาถึงแล้ว
4.
ไปเกาะสมุยกันเถอะ
ก่อนหน้าที่จะมีการประชุมที่เยรูซาเล็มในเดือนพฤศจิกายน
2016
ก็ได้มีการประชุมที่เกาะสมุยในรีสอร์ทของครอบครัวของผมเอง
มันไม่น่าเชื่อที่คุณหมอเดวิดจะเลือกมาประชุมที่นี่ แต่คิดทบทวนไปมา ผมก็เข้าใจว่ามันเป็นแผนการของพระเจ้าที่ทรงเตรียมการไว้นานแล้ว
ในช่วงนี้ผมอยากจะให้ภรรยาของผมเล่าเรื่องให้ท่านฟัง
********************
“......เดือนมิถุนายน
2013 ขณะที่ฉันอธิษฐานอยู่ที่บ้าน ฉันได้ยินองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราอยากให้เจ้าพาเบน
(ลูกชายคนเล็ก)ไปงาน Homecoming ที่ฮ่องกง” ฉันทูลพระองค์ว่า “พระบิดา มันผ่านไปแล้ว” (ที่คิดอย่างนั้น
เพราะฉันไม่ได้สนใจที่จะไป ฉันเคยไปการประชุมคริสเตียนหลายครั้ง
อีกทั้งเคยไปฮ่องกงหลายครั้งแล้วด้วย ครั้งแรกที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับการประชุมนี้
ฉันจึงไม่สนใจ ไม่ได้จำว่าจะมีเมื่อไหร่ และตอนนั้นก็คิดว่ามันผ่านไปแล้วจริงๆ)
หลังจากนั้นฉันก็ได้ยินซ้ำอีก ในที่สุดก็ทูลพระเจ้าว่า “ลูกจะเช็คดู หากยังไม่มีที
ลูกจะไป”
แล้วในที่สุด
เดือนกรกฎาคม 2013 ฉันกับเบนก็ไปงาน Homecoming ที่ฮ่องกง
ในวันที่สองของงานนี้ ฉันได้ยินองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราอยากให้เจ้าจัดงาน Homecoming ที่ประเทศไทย” ฉันคิดว่า
ตัวเองคิดไปเองหรือไม่ก็หูฝาด
แต่หลังจากนั้นก็ได้ยินอีกหลายครั้งจนคิดว่าต้องเป็นเสียงของพระเจ้าแน่ แล้วฉันจะทำอย่างไรดีกับเรื่องนี้?
ฉันอยากจะเล่าให้ใครสักคนหนึ่งฟัง เพราะถ้อยคำที่ได้รับนั้น มันเป็นอะไรที่ “ใหญ่” เกินไปสำหรับฉัน
และฉันรู้สึกว่าจะเก็บเอาไว้คนเดียวไม่ได้ จะต้องเล่าให้ใครสักคนหนึ่งฟัง
วันที่สาม
ฉันพบเจนิสอย่างไม่คาดฝัน เธอเป็นเพื่อนชาวสิงคโปร์ที่เคยมาทำงานในเมืองไทยอยู่หลายปี
แต่เธอกลับไปสิงคโปร์และเราไม่ได้พบกันร่วมแปดปีทีเดียว ฉันดีใจมาก
เพราะรู้ว่าเธอจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันได้รับ ฉันเล่าให้เจนิสฟังถึงสิ่งที่ได้ยิน ทันทีที่พูดจบ เธอร้องไห้และบอกว่า เธออธิษฐานเพื่อประเทศไทยมานาน เพื่อที่จะได้มีการประชุมแบบนี้
เจนิสพยายามนัดหมายให้ฉันได้มีโอกาสพบ นพ.เดวิด เดเมียน
แต่ไม่สามารถจะทำได้เพราะคุณหมอเดวิดยุ่งมาก มีภารกิจมากมาย
2-3 เดือนต่อมา
ฉันไปประชุมการแพทย์ที่สิงคโปร์
ช่วงนั้น นพ.เดวิด
มาที่สิงคโปร์พอดี เจนิสพยายามให้ฉันได้พบกับ
นพ.เดวิดอีกครั้ง ในที่สุดก็สำเร็จ
เมื่อฉันเล่าประสบการณ์ที่ฮ่องกงให้ท่านฟัง ท่านมีสีหน้าเฉยเมยมาก ฉันถามท่านว่าฉันจะต้องทำอะไรบ้าง? ท่านบอกให้ฉันไปอธิษฐาน แสวงหาคำตอบจากพระเจ้า
เราจากกันพร้อมกับความรู้สึกในใจของฉันว่า
เมืองไทยไม่อยู่ในสายตาของท่านหรอก
เราเป็นประเทศที่มีคริสเตียนน้อยนิดเท่านั้น
หลังจากนั้นฉันก็ไปร่วมประชุมที่มาเลเซีย ที่นั่นฉันเล่าเรื่องนี้ให้
ศบ.คังเส็งฟัง เมื่อกลับมาเมืองไทย ท่านก็พยายามจะรวมกลุ่มพี่น้องคนไทยเพื่อจะจัดงาน
Homecoming และที่สุด
ในเดือนมกราคม 2016 ท่านก็จัดงาน Revive
Asia ขึ้นมาที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์ และเชิญศาสนาจารย์กีเดียนและ
นพ.เดวิดมาด้วย
ในงานเลี้ยงอาหารกลางวัน
ฉันและสามีได้นั่งโต๊ะร่วมกับทั้งสองท่าน
คุณสิทธิพันธ์
ได้ทักทายศาสนาจารย์กีเดียนด้วยเรารู้จักท่านมาก่อน
และบอกว่าอยากเชิญท่านมาพักผ่อนที่รีสอร์ทของเรา
ท่านตอบว่า
ผมกำลังคุยกับคุณหมอเดวิดเพื่อหาสถานที่จัดประชุม คุณสิทธิพันธ์พูดว่า มาจัดที่รีสอร์ทของเราซิ ฉันฟังดูก็คิดว่าคงเป็นคำพูดสนุกๆ ไม่จริงจังอะไร รีสอร์ทของเราไม่เคยจัดการประชุมมาก่อน ห้องประชุมก็ไม่มี
แต่คุณหมอเดวิดสนใจขึ้นมาทันที ท่านบอกอย่างขึงขังว่าเรากำลังพิจารณาสถานที่ในประเทศหนึ่งอยู่
แต่ที่นี่อาจเป็นตัวเลือกอีกอันหนึ่ง ท่านขอรายละเอียด
และบอกว่าจะประชุมกับคณะทำงานแล้วแจ้งให้เราทราบ
ถึงเวลากินอาหาร
แต่ฉันกินไม่ลง ได้แต่นั่งเช็ดน้ำตา
ระลึกถึงพระสุรเสียงของพระเจ้าที่ได้ยินขณะอธิษฐานวันหนึ่งว่า “เฉวงบุรีเป็นของเรา เจ้าจะไม่ขาย” ฉันอธิษฐานว่า “พระบิดา
ลูกเข้าใจแล้วว่าทำไมพระองค์อยากให้เก็บเฉวงบุรีไว้ ก็เพื่อจัดงานของพระองค์นั่นเอง” คุณหมอเดวิดถามว่า “ทำไมคุณถึงร้องไห้?”
ฉันจึงเล่าว่า ฉันเคยได้ยินพระเจ้าตรัสว่า ให้เก็บรีสอร์ทนี้ไว้ (ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
ครอบครัวของสามีพยายามจะขายรีสอร์ทแห่งนี้) ฉันบอกนพ.เดวิดว่า ฉันรู้แล้วว่าทำไมพระองค์ตรัสอย่างนั้น
พูดตรงๆนะ ฉันไม่คิดว่าคุณหมอเดวิดจะจริงจังอะไร
เขาคงไปจัดประชุมที่อื่น
เพราะการมาสมุยไม่ง่าย
ค่าใช้จ่ายก็แพง เพราะเครื่องบินที่จะมาสมุยมีราคาแพง แต่แล้ววันหนึ่ง
นพ.เดวิดก็เขียนอีเมล์มาว่า
ต้องการจัดประชุม Leader
Gathering มันเป็นแบบ Homecoming
ของผู้นำ หลังจากนั้น เราก็อีเมล
โทรศัพท์ คุยกันทาง LINE เพื่อจัดการเรื่องการประชุมและตระเตรียมเรื่อง
ที่พัก อาหาร…..”
***********************
ในที่สุดก็มีการประชุม Homecoming ของผู้นำนานาชาติ ที่เฉวงบุรีรีสอร์ท เกาะสมุย
ประเทศไทย ที่มีชื่อสั้นๆ ว่า 3G
summit
5.การทะลุทะลวงที่เกาะสมุย
ในเดือนเมษายน 2016
ได้มีการประชุมผู้นำที่เฉวงบุรี
รีสอร์ท เกาะสมุย ประเทศไทย
ได้มีการ ทะลุทะลวงทางฝ่ายจิตวิญญาณ (spiritual breakthrough) มีการคืนดีของสองพี่น้อง
จากจุดเริ่มต้นตรงนั้น ก็ได้มีการมาประกาศคืนดีกันต่อหน้าตัวแทนจากทั่วโลก 3000 กว่าคน
ที่นครเยรูซาเล็ม ในคืนวันที่ 7 พ.ย. 2016 อีกครั้ง
การประชุมนั้นมีชื่อว่า
3G summit มันไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นที่โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย
แต่อย่างว่าล่ะครับ พระเจ้าไม่ทรงมองข้ามของเล็กน้อย....
การประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมใหม่ แต่เนื่องจากอากาศร้อนมาก และห้องประชุมแคบไปสำหรับคน 150 คน
เราจึงต้องย้ายมาจัดที่ห้องอาหารที่เป็นบริเวณเปิดโล่ง อยู่หน้าหาดพอดี
สัปดาห์นั้นเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของประเทศไทยทีเดียว
แม้จะร้อนจนเหงื่อตก แต่ก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นหลายอย่าง มีนิมิตและหมายสำคัญหลายอย่างในที่ประชุม
เท่าที่ผมประสบและได้รับการบอกเล่ามามีดังนี้
1.หมายสำคัญทางธรรมชาติที่ผมเองไม่ทราบว่ามีความหมายอย่างไร? ก็คือ
พระจันทร์สีเลือด เกิดขึ้นประมาณ 2-4 ชั่วโมง
ทุกคืนในช่วงเวลาที่มีการประชุม 3G Summit
2.เช้าวันแรก
แอนดรู โฮ ผู้นำอาวุโสจากฮ่องกง ได้บอกที่ประชุมถึงนิมิตที่ท่านได้รับ ท่านเห็นช้างน้อยถูกผูกเชือกมัดไว้กับต้นไม้ มันสามารถเดินไปมาได้แค่รอบต้นไม้นั้น ต่อมามันโตขึ้นเป็นช้างตัวใหญ่ที่มีกำลังมหาศาล ความใหญ่โตของมันทำให้ต้นไม้ที่ใช้มัดมันดูเล็กนิดเดียว และมันสามารถใช้งวงดึงต้นไม้นั้นออกจากพื้นดินเพื่อจะเดินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
แต่มันก็ยังเดินวนอยู่ที่รอบต้นไม้นั้น ท่านบอกว่าเราเหมือนกับช้างตัวโตนั้น มีพลังมหาศาล
ขอให้เราออกจากสิ่งที่ผูกมัดเรา และเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ
ที่ยิ่งใหญ่กว่า ผมถือว่าเรื่องนิมิตนี้เป็นเรื่องสำคัญ หลังจากการประชุม 3G สิ้นสุดลง ผมจึงนำมาเล่าให้พี่น้องคริสเตียนในที่ประชุมของเราตีความ และพวกเราตีความว่า พระเจ้าคงอยากจะบอกเราว่า
พวกเราไม่ใช่คนเล็กน้อยอีกต่อไป
แต่มีกำลังและยิ่งใหญ่ สามารถทำสิ่งใหม่ ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องจำเจทำแต่สิ่งเล็กๆ
เดิมๆ อีกต่อไป
นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมกล้าเขียนเรื่องนี้ขึ้น (ผมไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้มาก่อน)
ผมยึดนิมิตนี้ไว้เป็นของตนเอง ผมเชื่อว่าพระเจ้าได้ตรัสถึงผมให้กล้าหาญและทำสิ่งใหม่ๆให้ทำตัวเหมือนช้างที่ตัวใหญ่
มีกำลังมหาศาล ทำสิ่งใหญ่ๆใหม่ๆ แทนที่จะเป็นช้างเล็กๆทำในสิ่งเล็กๆแบบเดิม
3.คุณ Dean Fujishima
ได้รับพระคำอิสยาห์ 6:5-9 และได้นำมาอ่านในที่ประชุม
มันเป็นตอนที่ทูตสวรรค์เข้ามาเอาถ่านแตะที่ริมฝีปาก
“5และข้าพเจ้าว่า
“วิบัติแก่ข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าพินาศแล้ว เพราะข้าพเจ้าเป็นคนริมฝีปากไม่สะอาด
และข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในหมู่ชนชาติที่ริมฝีปากไม่สะอาด
เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นกษัตริย์ คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา 6แล้วตนหนึ่งในเสราฟิมบินมาหาข้าพเจ้า
ในมือมีถ่านเพลิง ซึ่งเขาเอาคีมคีบมาจากแท่นบูชา 7และเขาถูกต้องปากของข้าพเจ้าพูดว่า
‘ดูเถิด
สิ่งนี้ได้ถูกต้องริมฝึปากของเจ้าแล้ว
ความชั่วช้าของเจ้าก็ถูกยกเสีย และเจ้าก็จะรับการลบมลทินบาป 8และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
‘เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนพวกเรา’ แล้วข้าพเจ้าทูลว่า ‘ข้าพระองค์นี่พระเจ้าข้า
ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด’ และพระองค์ตรัสว่า ‘ไปเถอะ 9และกล่าวแก่ชนชาตินี้ว่า ‘ฟังแล้วฟังเล่า
แต่อย่าเข้าใจ ดูแล้วดูเล่า แต่อย่ามองเห็น’”
ในขณะที่ท่านอ่าน ภรรยาของผมก็เดินเข้ามาในห้อง
ในมือของเธอถือถาดถ่านเพื่อจะมาดูดกลิ่นอับในห้องประชุม เธอวางถาดลงบนพื้นหน้าเวที
นพ.เดวิดพูดผ่านไมโครโฟนว่า นี่คือ prophetic act หรือกิจพยากรณ์
พระเจ้าทรงรับรองถ้อยคำนี้ที่เราได้รับการเปิดเผย ผมเองเข้าใจว่า
พระองค์ประสงค์จะให้ทุกคนที่มาประชุม
3G ได้กลับไปบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ ผมเองพร้อมที่จะนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกกล่าว แม้ในพระคัมภีร์จะเขียนว่า เขาฟังแล้วฟังเล่า แต่ไม่เข้าใจ
ดูแล้วดูเล่า แต่มองไม่เห็น ผมคิดว่าคนในยุคนี้ต่างจากยุคก่อน เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าอยู่ด้วย หากเราถามพระองค์ เราก็จะเข้าใจและมองเห็น
แน่นอนมีหลายสิ่งเกิดขึ้นในการประชุม
แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือการทะลุทะลวงฝ่ายจิตวิญญาณจากการที่อาหรับกับยิวได้คืนดีกัน
เนื่องจากผมก็ไม่อยู่ในเหตุการณ์เพราะมัวแต่จัดการความเรียบร้อยของสถานที่
(ตอนนั้นอากาศร้อนมาก ผมต้องทำระบบทำความเย็น)
รายละเอียดการคืนดีกันนั้นเป็นอย่างไร? เท่าที่ฟังจากคุณแอนดรูคือ หญิงอาหรับท่านหนึ่งที่มาร่วมประชุม
(ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนนางฮาการ์) ได้อุ้มเด็กยิวคนหนึ่ง (ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนอิสอัค)
ขึ้นมากอด และเธอได้กล่าวเชิญแม่ของเด็ก
(ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนนางซาราห์) มาร่วมโต๊ะอาหารของเธอ โดยกล่าวว่า
โต๊ะนี้มีที่ว่างมากพอ และพระวิญญาณบริสุทธ์ก็เสด็จลงมา หลายคนพูดภาษาแปลกๆ การทะลุทะลวงทางจิตวิญญาณทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่ห้องอาหารคิงพรอน
ในช่วงบ่ายก่อนวันสุดท้ายของการประชุม 3G Summit
คุณแอนดรูกล่าวกับผมว่า
การคืนดีกันของอิชมาเอลและอิสอัคสำเร็จที่เฉวงบุรี รีสอร์ท
และสถานที่นี้แม้จะเป็นที่เล็กน้อย แต่ก็มีความสำคัญในประวัติศาสตร์คริสเตียน
6.เมื่อพระบิดาทรงปิติยินดี
ในช่วงที่ประชุม 3G ผมเข้าร่วมประชุมได้น้อยเพราะงานบริการที่จะต้องคอยดูแลแก้ไขนั้นมีมาก อย่างไรก็ตาม มีบางเรื่องที่ผมอยากเล่าให้ฟัง
ก่อนรับประทานอาหารเย็นมื้อแรกของคณะ
นพ.เดวิด ส่งไมค์มาให้ผมอธิษฐาน ผมก็ยื่นไมค์ต่อให้ภรรยาเพื่อให้อธิษฐานแทนเพราะเธอพูดภาษาอังกฤษได้คล่องกว่า แต่ทันใดนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็สวมทับ ผมเริ่มพูดภาษาแปลกๆ นพ.เดวิด เลยดันไมค์มาที่ปากผม ตอนนั้นผมรู้สึกว่าพระบิดาทรงมีความชื่นชนยินดี และผมรับรู้ถึงความรู้สึกชื่นชนยินดีและความสุขของพระเจ้าว่าเต็มล้นเหลือเกิน
ผมไม่เคยได้รับรู้ถึงความสุขของพระเจ้ามากมายเช่นนี้มาก่อน ผมทูลถามพระองค์ว่า “ Why you are
so joyful? Why you are so happy?” พระองค์ก็ทรงหัวเราะ ผมก็ทูลตอบไปว่า “OK, I understand” ผมแปลกใจตัวเองว่าทำไมพูดออกไปอย่างนั้น ผมเข้าใจอะไรหรือ? ในสมองขณะนั้นผมคิดเพียงว่า ผมจะต้องดูแลแขกของพระองค์ให้ดีที่สุด เพราะวันนี้ลูกของพระองค์-ผู้ที่ถูกเลือกจากคนจำนวนมากมายทั่วโลก
มาร่วมกัน ณ ที่เฉวงบุรี รีสอร์ท ผมในฐานะผู้อารักขาทรัพย์สินของพระเจ้าที่นี่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด
ผู้ร่วมประชุมหลายคนชมว่ารีสอร์ทสวยงาม
น่าพักมาก ผมก็มักจะตอบว่า ผมเป็นผู้อารักขาหรือพ่อบ้านของที่นี่ เขามักจะพูดว่า ผมถ่อมตัวเหลือเกิน จริงๆแล้วผมไม่ใช่คนถ่อม
ผมเพียงแต่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
เมื่อพระเจ้าทรงให้มาอารักขาทรัพย์สินของพระองค์ ผมก็ต้องทำให้ดีที่สุด ผมเชื่อว่างานทุกงานเป็นงานที่มีเกียรติ
คนที่ไม่ทำตามหน้าที่ความรับผิดชอบต่างหากที่ไม่มีเกียรติ
นั่นก็นำมาสู่เรื่องที่ผมกล่าวในการประชุม 3G นั่นคือ การทำสิ่งเล็กๆ
คริสเตียนที่มีตำแหน่งใหญ่ สามารถตายเพื่อพระองค์ได้ เพราะการตายเพื่อพระเจ้าเป็นสิ่งที่มีเกียรติ คนมากมายรับรู้
แต่ในสิ่งเล็กๆ หลายคนอาจทำไม่ได้
เพราะมันไม่มีเกียรติ และไม่มีใครรู้
แต่ผมรู้สึกว่าพระเจ้าประสงค์ให้เราทำเรื่องเล็กน้อยให้สมบูรณ์ด้วย ขณะที่ผมกล่าวเช่นนี้ในที่ประชุม
ผมก็รู้สึกถึงความสำคัญของผู้ที่มาร่วมประชุม
และรู้สึกได้ว่า พระเจ้าทรงมีความรักต่อคนเหล่านี้มากมาย
เรื่องที่ภรรยาของผมได้รับพระดำรัสให้จัดงาน Homecoming ขึ้นที่ประเทศไทยนั้น
ผมเคยเล่าให้อาจารย์ชาวมาเลย์ท่านหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงด้านการพยากรณ์ ท่านตอบว่าให้ผมจัดงาน Homecoming ขึ้นที่เฉวงบุรี รีสอร์ทสิ ผมก็หัวเราะแล้วบอกว่า งาน Homecoming น่ะเป็นงานใหญ่ มีคนเป็นพันๆ คนมาร่วม รีสอร์ทของผมเล็ก การเดินทางก็ลำบากและค่าตั๋วเครื่องบินก็แพงมาก ท่านบอกว่า งั้นก็จัดเล็กๆซิ ฟังแล้วผมก็คิดในใจว่า จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!
เมื่องาน 3G Summit สิ้นสุดลง ภรรยาบอกผมว่า พระเจ้าตรัสว่าพระดำรัสที่ให้เธอจัดงาน Homecoming
นั้นสำเร็จแล้ว งานของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็นึกขึ้นได้ว่า จริงสินะ มันเป็น Homecoming ของพระเจ้าที่ประเทศไทย ไม่ใช่ Homecoming ของประเทศไทย ลูกๆ ของพระองค์ที่พระองค์เลือกสรรไว้ได้มาชุมนุมเพื่อเป็นสักขีพยานของการคืนดีกันของสองพี่น้องและเพื่อร่วมชื่นชมยินดีกับพระองค์
7. บทสรุป
ในวันที่ 8 พฤศจิกายน
2016 Dean Fujishima จากฮาวายได้ขึ้นมาเล่าเรื่องคำพยากรณ์ของ Bill
Johnson และ Kathie
Walters ผมตั้งสมมุติฐานว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่ระดับที่พระเยซูคริสต์มาบังเกิด และทำให้ทั้งโลกชื่นชมยินดี
น่าจะเป็นเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าได้มาถึงโลกแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่พระเยซูคริสต์ทรงประกาศไว้ตั้งแต่ที่พระองค์เริ่มทำงาน
การคืนดีกันเป็นสิ่งที่ทำลายความขมขื่นหรืออุปสรรคที่ขัดขวางแผ่นดินของพระเจ้าไม่ให้เคลื่อนเข้ามาในโลกได้ เมื่ออาหรับและยิวมาคืนดีกัน นับเป็นการเปิดทางให้เกิดความสมบูรณ์ อุปสรรคถูกขจัดไปแล้ว
แผ่นดินของพระเจ้าจึงได้เข้ามาในโลกแล้ว
ในมาลาคี บทที่ 6
อันเป็นบทสุดท้ายของพระคัมภีร์เดิม
ได้กล่าวว่า
“และท่านผู้นั้นจะกระทำให้จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ หาไม่
เราจะมาโจมตีแผ่นดินนั้นด้วยคำสาปแช่ง”
การคืนดีกันระหว่างตระกูลของอิชมาเอล และตระกูลของอิสอัค ซึ่งก็คืออาหรับกับยิว นั่นเอง เป็นผลให้จิตใจของพระเจ้าหันไปหาลูก
(มนุษย์) ซึ่งได้มีการประกาศการคืนดีกันอย่างเป็นทางการในวันที่
7 พ.ย. 2016 ต่อหน้าตัวแทนจากทั่วโลก 3000 กว่าคน
ที่นครเยรูซาเล็ม ดังนั้นแผ่นดินของพระเจ้าจึงสามารถมาตั้งอยู่ในโลกได้
ดังที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงประกาศระหว่างที่ทรงดำเนินอยู่ในโลกว่า “แผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว และบัดนี้ก็มาถึงแล้ว”
บัดนี้มาถึงแล้วจริงๆ หลังจาก 2000 กว่าปีที่พระองค์ประกาศเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า เพลง Joy to the world จึงได้บรรเลงแก่ชาวโลกอีกครั้ง คงเหลือแต่ท่านทั้งหลายแต่ละคนที่จะต้องหันกลับไปหาพ่อของท่าน (คือหันกลับไปหาพระเจ้าของฟ้าสวรรค์) อย่างแท้จริง การหันกลับไปหาพระเจ้าที่กล่าวนี้หมายความอย่างไร?
หมายความถึงการที่เราต้อนรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ต้อนรับการทรงสถิตของพระองค์ และให้ชีวิตของเราได้รับการทรงนำของพระองค์อย่างแท้จริง
อันจะทำให้เราได้ฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า
และหันกลับไปเชื่อฟังพ่อหรือพระเจ้า
จบ
ปล. เพลง Joy to the World เป็นเพลงที่ประพันธ์โดย Isaac Watts (1674-1748) โดยเอาเนื้อเพลงมาจากพระธรรมสดุดีที่ 98 เพื่อร้องในการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่เพลงคริสมาส รายละเอียดอ่านได้ใน http://agodlyheritage.org/story-behind-the-song-joy-to-the-world
ปล. เพลง Joy to the World เป็นเพลงที่ประพันธ์โดย Isaac Watts (1674-1748) โดยเอาเนื้อเพลงมาจากพระธรรมสดุดีที่ 98 เพื่อร้องในการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่เพลงคริสมาส รายละเอียดอ่านได้ใน http://agodlyheritage.org/story-behind-the-song-joy-to-the-world